วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ล้างแปรงแต่งหน้าให้สะอาดและถนอมแปรงด้วยน้ำยาล้างแปรง พร้อม 4 แบรนด์แนะนำ

บล็อกนี้นัตตี้จะมาแชร์เทคนิคการล้างแปรงโดยใช้น้ำยาล้างแปรงให้ได้ประสิทธิภาพและประหยัดที่สุด 
พร้อมวิธีดูแลรักษาแปรง(อันแพงของเรา) พร้อมแบรนด์น้ำยาล้างแปรงที่นัตตี้แนะนำ 

น้ำยาล้างแปรงหรือ Brush Cleanser ที่นัตตี้จะพูดถึงในบล็อกนี้จะเป็นแบบ Deep Clean นะคะ 
ถ้าเป็นแบบ Dry Clean นั้นจะเหมาะสำหรับใช้ในกรณีต้องทำความสะอาดแบบรวดเร็วเพื่อใช้งานในทันทีมากกว่า

แบรนด์ที่นัตตี้ใช้อยู่ตอนนี้ได้แก่ 
 Mac Brush Cleanser 
Etude House Brush Shower Cleaner 
Horeru Brush Cleanser (มีขายในร้าน Tsuruha) 
Daiso Make up Brush Cleaner

  

นัตตี้ขอพูดในภาพรวมคร่าวๆ เพราะการใช้งานมันก็เหมือนๆกัน  
นัตตี้เองก็ใช้วนสลับกันไปมา โดยวัดลำดับตามความรู้สึกจากมากไปหาน้อย

การทำความสะอาด 
Etude > Mac > Horeru > Daiso 
จากเท่าที่ลองใช้มา Etude ทำความสะอาดได้ดีมากที่สุด ล้างคราบรองพื้นออกได้ง่ายสุด 
ส่วนแบรนด์อื่นๆนั้นก็ตามลำดับ 

กลิ่น (กลิ่นน้อย ถือว่าใส่น้ำหอมน้อยยิ่งจะช่วยถนอมขนแปรง) 
Horeru > Mac > Etude = Daiso 
Horeru กลิ่นอ่อนโยนมากที่สุดคล้ายแชมพูเด็ก 
Mac กลิ่นไม่แรงมากแต่กลิ่นแอลกอฮอลจะชัด 
ส่วน Etude และ Daiso กลิ่นน้ำหอมแรงพอกัน 

ความคุ้มค่า (ราคาต่อปริมาณ) 
Daiso 150ml. 60บาท = 0.4 
Horeru 180ml. 89บาท = 0.49 
Etude 250ml. ราคาประมาณ 300บาท = 1.2 
Mac 235ml. 650บาท = 2.76 

มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะเกิดคำถามขึ้นในใจแล้วว่าน้ำยาล้างแปรงจำเป็นแค่ไหนในการล้างแปรง 
นัตตี้บอกได้เลยว่าไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น! น้ำยาล้างแปรงเหมาะสำหรับใช้ล้างทำความสะอาดแปรงที่ผ่านการใช้งานมามาก เช่น แปรงรองพื้น เพราะแปรงรองพื้นมันจะหลงเหลือคราบรองพื้นติดอยู่ จะล้างทำความสะอาดได้ยากกว่าแปรงที่ใช้กับฝุ่น

อีกอย่างหนึ่งเลยคือเรื่องส่วนประกอบ น้ำยาล้างแปรงมักใช้สารทำความสะอาดพวก Sulfate ต่างๆ Alcohol และน้ำหอม ซึ่งมันไม่ค่อยถนอมขนแปรงมากเท่าไหร่ ถ้าเป็นแปรงสังเคราะห์ก็ว่าไปอย่าง เพราะเป็นพลาสติกทนทานอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแปรงขนสัตว์แท้ราคาหลักพันอัพๆ ขนอาจจะร่วงหรือกระด้างก่อนวัยอันควรได้ 

เพราะฉะนั้นแล้วนัตตี้มักจะใช้น้ำยาล้างแปรงกับแปรงขนสังเคราะห์ต่างๆ เช่น แปรงรองพื้น แปรงคอนซีลเลอร์ แปรงทาลิปสติกเป็นต้น แปรงรองพื้นหรือใช้กับผลิตภัณฑ์ประเภทครีม ถ้าใช้ทุกวันควรล้างสัปดาห์ละครั้ง ส่วนแปรงที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ประเภทฝุ่นแป้งหรือขนสัตว์แท้ ควรล้าง 2 สัปดาห์ครั้ง

คราวนี้มาถึงวิธีการล้างแปรงของนัตตี้ 
- นำแปรงที่เราต้องการจะทำความสะอาด เปิดน้ำให้ไหลผ่านขนแปรง ไม่ขึ้นมาถึงคอแปรงนะคะ เดี๋ยวกาวที่เชื่อมต่อระหว่างขนแปรงและด้ามจะหลุดไว ใช้น้ำอุณภูมิปกติ
- เทน้ำยาล้างแปรงพอประมาณ ใส่ในภาชนะที่สูงพอที่จะวางแปรงได้ นำแปรงที่เปียกวนในภาชนะที่มีน้ำยาให้ทั่ว (ถ้าแปรงด้ามใหญ่หรือแน่นมากอาจจะต้องใช้น้ำยามากหน่อย) จากนั้นทิ้งไว้ 10-15 นาที ให้น้ำยาทำปฏิกิริยาในการทำความสะอาด ละลายคราบรองพื้นหรือแป้งต่างๆออก (อารมณ์เหมือนเวลาเราใช้ Eye Makeup Remove) วางแปรงในลักษณะคว่ำลงไม่ให้น้ำยาไหลขึ้นไปถึงคอแปรง 
*ถ้าเป็นแปรงที่ใช้กับประเภทฝุ่นหรือขนสัตว์แท้ใช้แค่แชมพูอย่างเดียวค่ะ
  
- ล้างน้ำยาล้างแปรงออกโดยให้น้ำไหลผ่านเหมือนเดิม ทำความสะอาดซ้ำอีก 1-2 รอบด้วยแชมพู (ถ้าแปรงมีขนาดใหญ่หรือคราบฝังแน่น) เลือกแชมพูที่อ่อนโยนอย่างแชมพูเด็ก 
- ล้างน้ำจนกว่าจะไม่มีสีของรองพื้นหรือฟองของแชมพูไหลตามน้ำออกมาอีกแล้ว
- ซับให้หมาดด้วยผ้าขนหนู เน้นย้ำว่า ซับ ไม่ถูไม่ขยี้ใดๆ แปรงเวลาเปียกน้ำก็เหมือนเส้นผมที่อ่อนแอและขาดหลุดร่วงง่าย
   
- ซับน้ำให้แปรงหมาดแล้ว ก็รูดให้ขนแปรงทิ่มลงตามรูปเดิมแปรง เวลาขนแปรงแห้งแล้วก็จะกลับมาในรูปทรงเดิม หรือใครจะใช้ Brush Guard ช่วยจัดทรงให้แปรงก็ได้ แต่ Brush Guard นั้นไม่เหมาะสำหรับแปรงที่เปียก เพราะมันไม่ค่อยระบายอากาศและแปรงก็จะแห้งช้า
  
วิธีตากแปรงแบบง่ายๆบ้านๆ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อที่ไหนง่ายแค่เอาหนังยางรัดด้ามแปรงให้แน่น ใช้ไม้หนีบผ้าหนีบหนังยางและไม้แขวน หรือถ้าใครล้างทีละเยอะๆก็อาจจะใช้ที่ตากชุดชั้นใน ตากในลักษณะให้หัวแปรงทิ่มลง น้ำจะได้ไม่ไหลเข้าคอแปรง แปรงเล็กๆอย่างพวกแปรงทาอายแชโดว์ อาจจะวางไว้ตรงขอบโต๊ะหรือชั้นวาง ที่มั่นใจว่าแปรงจะไม่กลิ้งหล่นไปไหน ตากในที่ร่ม อากาศถ่ายเท ไม่โดนแดดหรือความร้อนใดๆ
  
แค่นี้เราก็ได้แปรงสุดรักของเรากลับมาใช้แล้ว
**ไม่ว่าแปรงถูกหรือแพงแค่ไหนนัตตี้ก็ล้างเหมือนกันหมด
  
ขอเพิ่มเติมสำหรับการล้างพัฟหรือฟองน้ำนิดนึง จริงๆใช้หลักการเดียวกันเลย 
- ทำให้เปียกแล้วเทน้ำยาในฟองน้ำ บีบๆให้น้ำยากระจายทั่วฟองน้ำ(เน้นในจุดที่มีรอยฝังแน่น) ทิ้งไว้ประมาณ 10-15นาทีแล้วล้างออก นัตตี้ใช้ Daiso Detergent for Puff and Sponge 80ml. 60บาท 
- จากนั้นล้างซ้ำเรื่อยๆจนกว่าฟองน้ำจะสะอาดโดยใช้น้ำอุ่น (แต่น้ำแรกก็ถือว่าทำความสะอาดไปแล้วมากกว่า 50% แน่นอน) ตากในที่ร่ม อากาศถ่ายเท ไม่โดนแดดหรือความร้อนใดๆ หาที่วางให้ฟองน้ำระบายอากาศได้ทุกจุด
  
วิธีการเก็บรักษาทั้งแปรงและฟองน้ำหลังทำความสะอาดเบื้องต้นง่ายๆ
ถ้าเป็นแปรงที่ใช้บ่อย หยิบใช้ทุกวัน สามารถใส่กระบอกแปรงตั้งไว้ได้ แต่ถ้ายังไม่ได้หยิบใช้ให้เก็บในกระเป๋าใส่แปรงหรือ Brush Guard เพื่อถนอมทรงแปรง
ฟองน้ำให้เก็บเข้ากล่องถ้ายังไม่ได้ใช้งาน ทุกครั้งหลักการใช้งาน(ถ้ายังไม่ได้ล้างเดี๋ยวนั้น) ให้วางในที่อากาศถ่ายเทและลมผ่าน ป้องกันเชื้อราที่จะเกิดขึ้นได้ อย่าวางในห้องน้ำเด็ดขาด!

หวังว่าบล็อกนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านกันจนจบ 
มีคำถามหรืออยากจะพูดคุยอะไรเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามกันเข้ามาได้นะคะ 
หรือติดตามทางโซเชียลมีเดียต่างๆได้ตามลิงค์ข้างล่างเลยจ้า

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

รีวิวหูฟัง In-Ear KeeKa EE-41 ดีไซน์น่ารักพร้อมที่เก็บสาย

หลายคนอาจจะประสบปัญหาการหาหูฟังในกระเป๋าไม่เจอหรือสายพันกันยุุ่งเหยิงจนทำให้สายขาดได้
 บล็อกนี้นัตตี้จะมารีวิวหูฟัง In-Ear KeeKa EE-41 หูฟังที่มาพร้อมที่เก็บสายดีไซน์น่ารักในรูปหลอดยาสีฟัน
 ที่ได้รับมาจากเว็บไซต์ REVU เพื่อทำการรีวิวค่ะ

 
หูฟังแบบ In-Ear เหมาะสำหรับสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, MP3, MP4 ,คอมพิวเตอร์ และ Laptop
มีไมโครโฟนทำงานได้ร่วมกับอุปกรณ์ที่ใช้ปฏิบัติการ iOS และ Android
เชื่อมต่อผ่านพอร์ต AUX 3.5 mm.

ข้อมูลทางเทคนิค
 -Driver Unit : 10mm Cable lenth : 1.2m
 -Frequency response : 17-21.000HZ
 -Impedance : 16 Ω
 -Sound pressure level : 96 dB(1KHz/1Vrms)
 มีขายในเว็บไซต์ Lazada ราคา 199 บาท มีด้วยกันทั้งหมด 6 สี


สีที่นัตตี้ได้รับมาคือสีชมพู มันน่ารักมากกกกกแถมตัดด้วยสีฟ้านิดนึงด้วย
หูฟังสามารถเสียบกับอุปกรณ์ต่างๆได้ไม่เป็นปัญหา
 คุณภาพเสียงของหูฟังก็เป็นปกติทั่วไป
 ไมโครโฟนใช้งานได้เป็นปกติ ใช้กดเพื่อเปิด-ปิดเพลงได้
เอาคุณพ่อมาเป็นนายแบบหู ฮ่าๆ 
วิธีการเก็บใส่หลอดยาสีฟันก็ง่ายๆ แค่ม้วนสายและก็เก็บใส่ไว้ในหลอด
 สะดวกมากเวลาใส่กระเป๋า เพราะเราจะเห็นได้ง่าย (แบบหลับตาก็เจอ ฮ่าๆ)
 
มาสรุปการใช้งานกันนะคะ สำหรับนัตตี้ชอบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และสีสันน่ารัก คุณภาพของเสียงก็ทั่วไป แต่หูฟังแบบ In-Ear นั้นจะต้องใส่เข้าไปในรูหู ฟังไปนานๆอาจจะรู้สึกเจ็บหูหรือหูอื้อได้ ขนาดกระทัดรัด พกพาง่าย และควานหาเจอในกระเป๋าเวลารีบๆได้ง่ายมาก คะแนนโดยรวมนัตตี้ให้ 7/10 ค่ะ ถือว่าคุณภาพและการใช้งานสมราคา
 
Disclaimer ทั้งหมดเป็นความเห็นโดยส่วนตัวของนัตตี้เท่านั้น รีวิวตามข้อกำหนดของเว็บไซต์ th.revu.net ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Elleva อาหารเสริมเพื่อผิวสวยและหลับสบาย

เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา นัตตี้ได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Elleva Beauty มาค่ะ  
Elleva Rested Skin เป็นอาหารเสริมเพื่อผิวสวย ที่จะคืนความเรียบเนียน เสริมความอ่อนเยาว์ และเปล่งปลั่งของผิว ราวกับคุณได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มในทุกๆเช้า ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากฝรั่งเศส ที่รวบรวมเอา 3 ส่วนผสมที่แตกต่างและลงตัว ได้แก่

ผงน้ำเมลอนเข้มข้น (Melon fruit juice concentrate) ที่ได้มาจาก Charentai เมลอนพันธุ์หายากจากฝรั่งเศส ที่มีสารสกัดในชื่อ Extramel ซึ่งอุดมไปด้วยสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระต่างๆ เช่น Catalase, Co-enzyme, Carotenoids, Vitamins A, E & C, Glutathione ทั้งยังมีสารสำคัญอย่าง Superoxide Dismutase หรือ SOD ที่ช่วยต้านอุนมูลอิสระ แก้ปัญหาที่โปรตีนชนิดต่างๆและคอลลาเจนใต้ผิวหนังถูกทำลาย อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สภาพของผิวหนังเสื่อมและชราก่อนวัย จนเป็นที่มาของการเกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ และการขาดความชุ่มชื้นของผิว ทั้งช่วยลดกระบวนการทางเคมีของร่างกาย ช่วยลดระดับความเครียด ปัญหาการนอนหลับลดลงได้ และกระบวนการรับรู้ดีขึ้น มีสมาธิมากขึ้นและลดอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่ายได้
Photo by www.gartenjournal.net
ซีลีเนียม (Selenium) แร่ธาตุจากธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ที่ต้านอนุมูลอิสระ เช่น Glutathione Perioxidase ช่วยซ่อมแซมเซลส์ผิวหนังที่ถูกทำลาย จากมลภาวะต่างๆ พร้อมทำให้ผิวเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย และลดการเกิดสิว นอกจากบำรุงผิวแล้วยังบำรุงทั้งผมและเล็บอีกด้วย
Photo by www.5nplus.com
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape seed extract) ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซี 20เท่าและแรงกว่าวิตามินอี 50เท่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถภาพของ Extramel และ Selenium ได้อย่างเต็มที่
Photo by www.greenmedinfo.com
1 กล่องบรรจุ 30 แคปซูล ราคา 1,650บาท
ส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูล
 สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 60mg.
ผงน้ำเมลอนเข้มข้น 10mg.
ซีลีเนียมยีสต์ 7mg.

รับประทานวันละ 1 แคปซูลก่อนนอนหรือเวลาไหนก็ได้ตามสะดวก  
เม็ดแคปซูลขนาดปกติ กลืนง่ายแล้วดื่มน้ำตามมากๆ
 
นัตตี้ทดลองทานมาแล้วเป็นเวลา 1 เดือนหรือ 1 กล่อง
 
หลังจากที่ทดลองทานในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาต้องบอกเลยว่าสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคือการนอนหลับ นัตตี้หลับได้ลึกมากยิ่งขึ้น ปกตินัตตี้จะชอบตื่นมากลางดึกตลอด โดยไม่ได้ตื่นมาเข้าห้องน้ำนะคะ พอเรานอนหลับพักผ่อนได้เพียงพอก็จะส่งผลดีต่อผิวของเราด้วย เพราะในขณะหลับร่างกายเราจะซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะที่สึกหรอ และยังช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของร่างกายในขณะที่เราหลับ ตื่นมาเราก็จะรู้สึกสดใสและผิวพรรณเปล่งปลั่ง พร้อมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ก็ยิ่งจะช่วยเสริมให้ผิวนั้นดูดียิ่งขึ้นไปอีก (ช่วงนั้นมีแต่คนทักว่าหน้าตาดูสดใส ฮ่าๆ)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทานอาหารเสริมก็เป็นเป็นเพียงปัจจัยเสริมอย่างหนึ่งเท่านั้น ยังไงผิวพรรณและร่างกายของเราก็ต้องการอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายและการบำรุงผิวและดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้วนัตตี้อยากจะให้ทุกคนหันมาใส่ใจและดูแลสุขภาพร่างกายกันค่ะ

สนใจหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Ellevabeauty และ Facebook Elleva
รีวิวทั้งหมดเป็นความคิดเห็นโดยส่วนตัวของนัตตี้เท่านั้น
Non-Sponsored Content
ผลิตภัณฑ์ได้มาจากงานเปิดตัวของทางแบรนด์

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เซรั่มรกหมูเข้มข้น 2 เท่า Fracora White'st Placenta Extract Enrich

ถ้าพูดถึเซรั่มที่ฮอตฮิตอีกตัวหนึ่งของเมืองไทยในปีที่ผ่านมาก็คงจะหนีไม่พ้นแบรนด์ Fracora
ตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและเป็นนางเอกของแบรนด์นั้นก็คือ Placenta Extract
  
Cr.Fracora Thailand 

 เป็นเซรั่มที่ต้องบอกว่าขายดีถล่มทลาย และโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ที่ทำให้หลายคนตามกว้านซื้อตุนกันเกลี้ยง มาในปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนแพคเกจจิ้งใหม่ในชื่อ White'st Placenta Extract ที่นัตตี้ใช้หมดไปแล้ว 1 ขวด
  
สารสกัดที่ได้จากรกหมูนั้นอุดมไปด้วยกรดอะมิโน วิตามิน กรดไขมัน และแร่ธาตุในปริมาณมาก
ที่จะช่วยในเรื่องการสมานผิว เติมความชุ่มชืน ลดระคายเคือง และลดเลือนริวรอย ทั้งยังมีคุณสมบัติในการเป็นเป็นไวท์เทนนิ่งได้อีกด้วย ซึ่งเป็นที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นรกถูกจัดอยู่ในกลุ่มยาที่มาจากธรรมชาติ
มีคุณสมบัติทางยาแต่ไม่ใช่ยา ง่ายๆคือจัดอยู่ในประเภทอาหารเสริมหรือเครื่องสำอาง 

Fracora เป็นเซรั่มบริสุทธิ์ที่สกัดจากพลาเซนต้าหรือรกหมูแท้ 100% ที่เลี้ยงในฟาร์มเปิดที่ปลอดเชื้อและมีคุณภาพดี ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน SPF หรือ Specic Pathogen Free ของประเทศญี่ปุ่น การแปรรูปและการผลิตทั้งหมดทำในประเทศญี่ปุ่น โดยโรงงานที่มีมาตรฐาน GMP โดยใช้กรรมวิธีผลิตพิเศษ ทำให้ไม่มีกลิ่นรบกวนจากกลิ่นเฉพาะตัว และยังปราศจากสี พาราฟีน สารลดแรงตึงผิว และน้ำมันแร่อีกด้วย จึงมีความอ่อนโยนและปลอดภัย ได้รับรางวัลอันดับ 2 ในประเภทเซรั่มจากเว็บไซต์อับดับ 1 ของญี่ปุ่นอย่าง Cosme ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2012 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2013 ที่ผ่านมา และเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์และอาหารเสริมจากพลาเซนตาและคอลลาเจนอันดับ 1 ในญี่ปุ่น

เกริ่นมาซะยาวเลย สำหรับตัวหลักที่นัตตี้จะพูดถึงในบล็อกนี้นั้นก็คือ
Fracora White'st Placenta Extract Enrich

 เป็นสูตรใหม่ที่เข้มข้นมากกว่าสูตรเดิมถึง 2 เท่า แต่ส่วนผสมนั้นยังเหมือนเดิม
นั้นก็คือน้ำ ไกลคอล พลาเซนต้าและสารกันเสีย
 
 อาวแล้วถามว่ามันเข้มข้นกว่ายังไงหล่ะ? พอดีนัตตี้ได้ไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวนี้มา
เขาก็ได้มีการทดสอบเทียบกับแบรนด์อื่นๆที่มีส่วนผสมของพลาเซนต้าในญี่ปุ่น(โดยไม่บอกว่าแบรนด์อะไร) เทียบให้เห็นถึงความเข้มข้นโดยจะแสดงผลออกมาในด้านของสี ซึ่งวันนั้นเท่าที่ได้เห็นของฟราโคร่านั้นก็เข้มข้นที่สุด และเมื่อเทียบกันระหว่างสูตรเก่ากับสูตรใหม่นั้นก็จะเห็นถึงความต่างอย่างชัดเจน
Cr. จาก Facebook คุณฟ้า Fah Jilamiga Chalermsuk

 หน้าตาขวดนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมคือสีชา เป็นหัวบีบแบบดรอปเปอร์ แพคเกจใหม่และสูตรใหม่นั้นที่หลอดจะมีเส้นบอกปริมาณในการใช้ในแต่ละครั้งด้วย ปริมาณในการใช้ในแต่ละครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 10 หยด
  
เนื้อเซรั่มนั้นก็คือจะเหมือนเดิมเลย คือเหลวใสไม่ต่างจากน้ำ
แต่สูตรใหม่จะแอบมีกลิ่นขึ้นมานิดนึง เมื่อเทียบกับสูตรเดิมที่ไม่มีกลิ่นเลย
 
สำหรับขั้นตอนในการลงนั้นคือลงเป็นตัวแรกสุดหลังล้างหน้า แต่ถ้าวันไหนใช้โทนเนอร์ นัตตี้จะเช็ดตัวโทนเนอร์ก่อนแล้วลงตัวนี้ ลงโดยใช้วิธีการค่อยๆประคบลงไปที่ผิวเหมือนเวลาเราใช้น้ำตบต่างๆ ประคบจนซึมลงผิวจนหมดแล้วตามด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ หลังลงเสร็จแล้วจะรู้สึกหนึบๆที่ผิวเล็กน้อยให้ความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่น้ำเปล่านะจ๊ะ ฮ่าๆ
 
จากการทดลองใช้มาแล้วก็เห็นผลได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ใช้ คือผิวดูสุขภาพดี กระจ่างใสขึ้น ชุ่มชื้นกว่าสูตรเดิม ในเรื่องของลดเลือนริ้วรอยอาจจะยังไม่ชัดเจน แต่ทั้งนี้นัตตี้ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งร่วมด้วยเพื่อเสริมฤทธิ์กัน
สรุปโดยรวมแล้วเป็นเซรั่มที่สามารถเสริมการบำรุงผิวจากเดิม หรือเพิ่มประสิทธิภาพของไวเทนนิ่ง
เนื้อบางเบาเหมาะกับทุกสภาพผิว อ่อนโยน ปราศจากสีและน้ำหอม
ใครที่ติดใจสูตรเดิมเหมือนนัตตี้แล้วก็อยากให้ลองสูตรใหม่ดู

 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ตามสภาพผิวของแต่ละคนด้วย ถามว่าจะแพ้ หรือใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?
อันนี้นัตตี้เองก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะการแพ้และอุดตันของผิวนั้นเกิดได้หลายปัจจัยในแต่ละคน
เพราะฉะนั้นก่อนซื้อแนะนำว่าควรทดสอบและทดลองผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ทุกครั้ง

สำหรับข้อเสียของนัตตี้คงเป็นเรื่องขวดแก้วที่ต้องระวังแตก
และเวลาใช้ต้องเปิดปิดให้ดี นัตตี้เคยเผลอเกือบทำหกมาแล้ว(ถ้าหกนี่ร้องไห้แน่ๆ)

1 ขวด 30 ml. ราคา 1,890บาท แพงกว่าสูตรเดิม 500บาท
ใช้เช้า-เย็นตกขวดละ 1 เดือนได้ แอบเปลือง แต่ใช้แล้วก็ติดใจ ฮ่าๆ
มีจำหน่ายแล้วที่เคาน์เตอร์ Jill Mika และร้าน Watsons
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fracora Thailand
 
รีวิวทั้งหมดเป็นความคิดเห็นโดยส่วนตัวของนัตตี้เท่านั้น ผลการใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน Non-Sponsored Content ผลิตภัณฑ์ได้มาจากงานเปิดตัวของทางแบรนด์

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

รีวิวมาส์คทองยกหน้าตึง Lansley Royal Gold Caviar Premium Firming Mask จาก Beauty Buffet

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องสำอาง แบรนด์ไทยที่ทุกคนรู้จักกันดี นั้นก็คือ Beauty Buffet
บิวตี้บุฟเฟ่เป็นแบรนด์คนไทยที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในราคาหลักสิบถึงหลักร้อย

บล็อกนี้นัตตี้จะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับอีกหนึ่งไลน์ในเครือของบิวตี้บุฟเฟ่นั้นก็คือ "Lansley"
แลนซ์เลย์เป็น Face & Body care ไลน์พรีเมี่ยมของบิวตี้บุฟเฟ่ ที่เน้นการดูแลเฉพาะจุด เสริมจุดเด่นและลดจุดด้อยอย่างสมบูรณ์แบบ ผลิตภัณฑ์ใหม่ในไลน์นี้ได้แก่ Royal Gold Caviar

  
รอยัลโกลด์คาเวียร์ เป็นไลน์ Anti-Aging เน้นในส่วนของการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย ด้วยคุณค่าจากทองคำบริสุทธิ์และไข่ปลาคาเวียร์ มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 3 ตัวได้แก่ Serum, Day & Night Cream และ Neck Cream และล่าสุดนี้ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แก่ Premium Firming Mask #มาส์คทองยกหน้าตึง

  
 บอกเลยว่านัตตี้อ่านข้างกล่องคำอธิบายเป็นภาษาไทยแล้วดูงงๆ คำบางคำดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
เอาเป็นว่านัตตี้ขอยึดคำเคลมภาษาอังกฤษเป็นหลักแล้วกันค่ะ

คร่าวๆเลยคือตัวนี้เป็นมาส์คพอกหน้าบำรุงผิว ด้วยส่วนผสมสำคัญอย่าง Gold Leaf, Alpine Rose
และ Collagen ช่วยเติมความชุ่มชื้น กระตุ้นการไหลเวียน ทำให้ผิวเรียบเนียน
และในระยะยาวจะช่วยพื้นฟูผิวที่ถูกทำลาย ดูแลริ้วรอยและร่องลึกต่างๆ ปรับโทนสีผิวและเพิ่มความกระชับ
ขนาด 50กรัม ราคา 590บาท

  
 เปิดกล่องมาด้านในจะเจอไม้พายไว้สำหรับตัก

  
ตัวกระปุกเป็นสีทอง ดูหรูหรามากกกกกกกก มีความเป็นจอมนางแห่งวังหลวงสุดๆ แต่แอบหนักไม่เบา

  
เนื้อครีมเป็นสีเหลืองทองอร่าม มีประกายสีทองละเอียดๆอยู่ในเนื้อ

  
พอทาเนื้อครีมลงบนผิวแล้ว เนื้อครีมเข้มข้นแต่ไม่หนา ทาแล้วเนียนไปกับผิว มีกลิ่นหอม
(นัตตี้ล้างหน้าด้วยโฟมแล้วไม่ได้ลงผลิตภัณฑ์ใดๆ)

  
 เกลี่ยเนื้อครีมให้ทั่วใบหน้าแล้ว หน้าเราก็จะกลายเป็นหน้ากากทอง เหลืองอร่าม เงาวิบวับสุดๆ ฮ่าๆ

  
ทิ้งไว้ 15-20 นาทีให้มาส์คได้ทำงานแล้วล้างออก
(ฉลากภาษาไทยบอกว่าล้างด้วยโฟม แต่นัตตี้ว่าล้างด้วยน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว)

  
หลังการทดลองใช้มา 2สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้ ผิวจะรู้สึกชุ่มชื้น ดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น
ถามว่าเห็นผลในเรื่องของการยกกระชับเลยมั้ย ก็ไม่ได้เห็นผลนะ!

นัตตี้มองว่าเป็นในเรื่องของส่วนผสมที่ช่วยในการลดเรือนริ้วรอยและยกกระชับนั้นอาจจะต้องใช้เวลา
ถ้าจะให้เห็นผลทันทีหลังใช้เลยนั้นคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าใช้ในระยะยาวอาจจะพอหวังผลได้
แต่อาจจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆในกลุ่มร่วมด้วย ถือว่าเป็นไปตามคำเคลมข้างกล่อง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ตามสภาพผิวของแต่ละคนด้วย ถามว่าจะแพ้ หรือใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?
อันนี้นัตตี้เองก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะการแพ้และอุดตันของผิวนั้นเกิดได้หลายปัจจัยในแต่ละคน
เพราะฉะนั้นก่อนซื้อแนะนำว่าควรทดสอบและทดลองผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ทุกครั้ง

  
รีวิวทั้งหมดเป็นความคิดเห็นโดยส่วนตัวของนัตตี้เท่านั้น
ผลการใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน 
Non-Sponsored Content
ทาง Beauty Buffet ส่งผลิตภัณฑ์มาให้ทดลองใช้