วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รีวิว Pro Trend Color Contact Lens - Kissy 3 Tone Brown

บล๊อคนี้เปลี่ยนแนวนะ ฮ่าๆ เปลี่ยนมารีวิวคอนแทคเลนส์กับบ้างดีกว่า เนื่องจากว่าคอนแทคเลนส์ยี่ห้อนี้กระแสแรงจริงๆ และแรงไม่ใช่จากใครที่ไหน นั้นก็คือยานแม่ โมเมพาเพลินนั้นเิอง(จริงแล้วนางเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์ด้วยนั้นแหละ)


แบรนด์ Pro Trend Color นั้นเท่าที่ทราบมา(ย้ำนะ) เป็นแบรนด์ของคนไทยเนี้ยแหละ แต่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี ง่ายๆก็คือแบรนด์ไทย ผลิตเกาหลีนะจ๊ะ โอเค๊...

เรามาดูตัวคอนแทคเลนส์กันเลยดีกว่า แบรนด์นี้มาในรูปแบบกล่องใส่มาให้ ด้านหน้าและหลังมีบอกรายละเอียดได้ชัดเจนครบถ้วน อันนี้ตบมือให้ เพราะบางยี่ห้อที่ขายๆกันไม่มีที่มาที่ไปสักนิดเลย
คอนแทคเลนส์ยี่ห้อนี้เป็นแบบราย 1 เดือนทุกรุ่นนะจ๊ะ


เปิดมาข้างในกล่องเราก็จะเจอกระดาษล็อคขวดคอนแทคเลนส์เอาไว้ ด้านข้างมีรูปวิธีการใส่ แต่!!!รูปเนี้ยมันมาจากเว็บน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ยี่ห้อหนึ่ง(มายังไง) ด้านหลังบอกขั้นตอนการใส่ ถ้าคุณอ่านแล้วจะรู้สึกได้ว่าภาษามันแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะพื้นที่กล่องจำกัดเลยต้องเขียนอะไรที่เข้าใจกันง่ายๆมั่งนะ


ตรงฝาขวด อันนี้ชอบมากๆ มีบอกจุดที่เราจะต้องัดเพื่อเปิดขวด บางยี่ห้อไม่มีบอกอะไรเลย งัดไม่ออกนะจ๊ะ ต้องเอามีดมางัดแงะทุกที

สีที่นัตตี้เลือกมานั้นเราเลือกตามต้องการและที่ร้านมีนั้นก็คือ สีน้ำตาล ไซต์เล็กๆ ไม่ตัดขอบดำ ค่าสายตา -150 เลยได้ Kissy 3 Tone มา ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตของยี่ห้อนี้เลย


ก่อนใส่แนะนำว่าใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ก่อน 1 คืน นัตตี้ใช้ Aosept Clean Care ของ Ciba Vision นะจ๊ะ ใช้มาหลายปีแล้ว แพงหน่อยแต่ดีจริงๆ


พอลองใส่ขนาดไม่ได้ต่างกับตาจริงของนัตตี้เลย สีออกน้ำตาลไปทางเหลือง แต่พื้นสีตาเดิมของเรานั้นค่อนข้างเข้มเลยออกเหลืองไม่มากำลังดี (สีที่ได้ขึ้นอยู่กับสีตาเดิมของแต่ละคนด้วยนะจ๊ะ) ลาย 3 ชั้น เบลนเข้ากับสีตาไม่หลอกตามากนัก


ดูตอนแต่งตากันบ้างดีกว่า


สรุปหลังจากที่ลองใส่มา 1 เดือนแล้ว ค่อนข้างพอใจกับคอนแทคเลนส์ยี่ห้อนี้ ใส่ง่าย ไม่ระคายเคือง ขนาดไม่ใหญ่บิ๊กอาย แต่ถ้าใส่เกิน 8 ชั่วโมงก็มีระคายเคืองบ้างเป็นเรื่องปกติของคอนแทคเลนส์นะ
มาในส่วนของสี สีน้ำตาลออกไปทางเหลืองจริงอันนี้ยอมรับ แต่นัตตี้พื้นสีตาเดิมเข้มเลยไม่เห็นความเหลืองชัดมาก แต่ก็มีบางรุ่นเท่าที่เห็นก็ออกเหลืองมากเลยก็มี
ราคาอยู่ 250บาท หาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายของเขาแล้วกันมีเพียบ

สุดท้ายนั้นอยากให้ทุกคนรักษาความสะอาดให้ดี เพราะมันเป็นอะไรที่อยู่กับตาเรา เพราะฉะนั้นระวังให้มากๆ ตาของเรามีแค่คู่เดียวไม่สามารถเปลี่ยนได้นะจ๊ะ ฝากกันไว้นิดนึงนะ บ๊ายบาย ^^

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รีวิวฟองน้ำล้างหน้าจากธรรมชาติ Konjac Sponge

บล๊อคนี้นัตตี้จะมารีวิวและพูดถึงเกี่ยวกับอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ตอนนี้ตัวนัตตี้เองปลาบปลื้มเอามากๆ นั้นก็คือตัว Konjac Sponge นั้นเอง


Konjac หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ ใช่แล้วหล่ะค่ะมันก็คือ หัวบุก หรือคอนยายุคในภาษาญี่ปุ่นนั้นเอง เป็นการนำคอนยาคุไปแช่แข็งและทำให้แห้ง วนไปมาหลายๆรอบจนได้เส้นใยที่เรียกว่า glucomannan ที่สามารถดูดซึมน้ำได้ดี และมีเส้นใยที่ละเอียดสามารถขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างอ่อนโยน เป็นภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่นที่ใช้กับเด็กทารกในสมัยโบราณ

คุณสมบัติคร่าวๆคือ มีฤทธิ์ Alkaline หรือกรดอ่อนๆให้เป็นกลาง pH balanced สามารถทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางและช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าได้อย่างอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองแม้ผิวแพ้ง่ายหรือคนที่เป็นสิว(แต่แนะนำว่าให้เว้นตรงที่มีสิวอักเสบไว้ก็ดีนะ) ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายหรือแม้แต่เด็กทารก และสามารถใช้ได้ทุกวันโดยไม่ทำร้ายผิว ประมาณนี้แหละคร่าวๆเนอะ

จริงๆแล้ว Konjac Sponge แบรนด์แรกที่นัตตี้รู้จักเลยก็คือ The Konjac Sponge Company เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์อินเตอร์ที่ผลิตและขายไปทั่ว นัตตี้เห็นครั้งแรกในเว็บ Luxola.com ราคาประมาณ 300 กว่าบาท


แต่วันนี้ที่นัตตี้จะมารีวิวนั้นเป็นยี่ห้อ Reven Bath จากเกาหลี แต่มีบริษัทนำเข้ามาขายในเมืองไทยแล้ว


Konjac Sponge จะมีแบบมาตรฐานเหมือนกันนั้นก็คือสีขาว ที่เป็นคอนยาคุล้วนๆ หรือบางแบรนด์จะมีการผสมถ่าน ชาเขียว หรือดินโคลน ก็จะมีหลายสีแตกต่างกันออกไป
แบรนด์ Reven Bath มีด้วยกัน 3 แบบคือ สีขาวสำหรับผิวแพ้ง่าย สีดำสำหรับผู้มีใบหน้าหมองคล้ำ และสีส้มสำหรับผิวแห้ง รูปทรงก็จะมีทั้งหัวใจ กลม หยดน้ำ หรือแบน แตกต่างกันออกไป
ลักษณะของเนื้อฟองน้ำจะมีความนุ่นและยืดหยุ่น เห็นเป็นโฟรงเล็กๆในเนื้อดูขรุขระ


ก่อนใช้ก็แค่นำฟองน้ำไปแช่ในน้ำประมาณ 2-3 นาที ให้ฟองน้ำดูดน้ำขึ้นมาจนเต็ม แล้วบีบออก


วิธีการใช้งานก็ง่ายๆ ในตอนเย็นให้ล้างเครื่องสำอางบนในหน้าออกให้หมด จากนั้นใช้คลีนเซอร์หรือโฟนล้างหน้าที่เราใช้อยู่ปกติบีบลงไปทั่วใบหน้า จากนั้นก็ใช้ฟองน้ำนวดวนขึ้นเป็นวงกลมทั่วใบหน้าและล้างน้ำออก
แต่ถ้าใช้ในตอนเช้าก็ใช้แค่ฟองน้ำกับน้ำแค่นั้นพอไม่ต้องพึ่งคลีนเซอร์เลย


เราอาจจะเห็นคราบเครื่องสำอางหรือน้ำมันติดมาที่ตัวฟองน้ำอย่างชัดเจนมาก


รู้สึกได้เลยว่าตัวฟองน้ำนั้นอ่อนนุ่มและไม่รู้สึกระคายเคืองผิวสักนิด ต่างจากฟองน้ำล้างหน้าที่เป็นใยสังเคราะห์หน้ามือเป็นหลังมือเลยจริงๆ และจะรู้สึกถึงความสะอาดของผิวมากๆ แต่ไม่ระคายเคืองแต่อย่างใด (ฟังดูเวอร์แต่ของอย่างนี้ต้องลองเอง)

หลังใช้งานทุกครั้งบีบน้ำออกให้หมด แล้วนำไปผึ่งในที่ๆมีอากาศถ่ายเทสะดวก อย่าเอาไว้ในห้องน้ำเด็ดขาด!!! เดี๋ยวราจะมาเยือนนะจ๊ะ มีเชือกร้อยไว้ให้สำหรับตากอยู่แล้วด้วย


หรือใน 1 อาทิตย์เราก็สามารถเอาฟองน้ำของเราไปฆ่าเชื้อได้ด้วยการ นำไปต้มในน้ำเดือดๆเป็นเวลา 2 นาที หรือนำเข้าไมโครเวฟในขณะที่ฟองน้ำเปียกเป็นเวลา 2 นาทีเช่นเดียวกัน


สรุปใช้มา 2 เดือนบอกได้คำเดียวว่าเริ่ดมากกกกกก ทุกๆคนควรจะมีจริงๆ ใครที่อยากพิถีพิถันกับการล้างหน้าควรมีนะ ทุกๆคนสามารถใช้ได้ แต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้าก็ใช้ได้หมด ไม่ว่าสภาพผิวจะเป็นแบบไหนก็ใช้ได้หมด ทำจากธรรมชาติล้วนๆ ปลอดภัย อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว ทำความสะอาดได้ล้ำลึกจริงๆ(ตอนนี้อยากได้ไซต์ใหญ่สำหรับตัวด้วยเลยอ่ะ)

สำหรับ  Reven Bath Konjac Sponge ตัวนี้นัตตี้ซื้อที่ร้าน Lashes ราคาสีขาว 139บาท ส่วนสีอื่นๆ 149 บาทนะจ๊ะ หรือหาซื้อได้ที่เว็บ Lazada.co.th ขายเป็นคู่ประมาณ 400 บาท
นอกนั้นก็หาซื้อได้ทั่วไปตามอินเตอร์เน็ตมีเยอะแยะหลายแบบไม่จำเป็นต้องเป็นยี่ห้อนี่ก็ได้นะจ๊ะเหมือนกันหมด
อายุการใช้งานจะอยู่ได้ประมาณ 3 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา

ไงก็หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ ใช้แล้วชอบไม่ชอบยังไงก็มาบอกนัตตี้กันได้นะ บ๊ายบาย ♥

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รีวิว Soap & Glory Hand Cream / Foot Cream

บล๊อคนี้เราจะมารีวิวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกันบ้างมาจากแบรนด์ Soap & Glory นั้นเอง ขอบอกเลยว่าตอนนี้นัตตี้กำลังแบรนด์นี้มากๆ

สำหรับแบรนด์ Soap & Glory นั้นเป็นแบรนด์จากประเทศอังกฤษ เป็นแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์บำรุง
ตั้งแต่หัวจรดเท้าจริงๆ มีครบทุกอย่างและเป็นที่นิยมมาก หาซื้อได้ตามร้าน Boots
หรือร้านขายยาในประเทศอังกฤษ แต่สำหรับในบางประเทศมีขายเฉพาะที่ Sephora นะจ๊ะ

มาที่ตัวแรกนะค่ะนั้นก็ึืคือ Hand Food หรือ Hand Cream นั้นเอง ต้องบอกเลยว่าแฮนด์ครีมนี่เป็นอะไร
ที่นัตตี้ติดมากๆ เพราะเราเป็นคนที่ชอบล้างมือบ่อยมือก็จะแห้งเลยต้องทาแฮนด์ครีมตลอด


หลอดสีชมพูสัญลักษณ์ของแบรนด์ ขนาด 125 ml. เปิดใช้แล้วจะอยู่ได้ 2 ปีนะจ๊ะ 


เนื้อครีมตัวนี้ดีมากกกกกกกกก ชุ่มชื่น ไม่เหนอะหนะ ซึมเข้าผิวได้ดีมากๆ ล้างมือแล้วก็ยังรู้สึกว่าตัวครีมยังเคลือบผิวของเราอยู่ กลิ่น Floral Fruity มากๆ ว่ากันว่ากลิ่นเหมือนน้ำหอม Miss Dior Cherie
แต่นัตตี้รู้สึกว่ามันแค่คล้ายนะไม่ถึงกับเหมือน แต่โอเคกลิ่นไปในแนวทางเดียวกันอยู่


ตัวต่อไปนั้นก็คือ Heel Genius หรือ Foot Cream นั้นเอง ดูแลมือแล้วก็อย่าลืมดูแลเท้ากันด้วยนะจ๊ะ


หลอดสีชมพูเหมือนกันเป๊ะ ขนาด 125 ml.เท่ากัน แต่ตัวนี้เปิดใช้แล้วจะอยู่ได้ 18 เดือนนะจ๊ะ


สำหรับเนื้อครีมตัวนี้จะออกเป็นฟ้าอมเขียวอ่อนๆ สวยดีเหมือนกันนะ(เกี่ยวไหม -..-)
เนื้อครีมตัวนี้ชุ่มชื่มมาก ซึมเข้าผิวไวดี แต่้เหนอะหนะพอสมควร อันเนื่องด้วยมาจากบริเวณเท้าของเรานั้น
ใช้งานหนักและแห้งมาก เนื้อครีมประมาณนี้นัตตี้ว่าโอเคนะ แนะนำว่าทาก่อนนอนแล้วสวมถุงเท้านอน
ตื่นมารับรองเท้าคุณนุ่มอเมซิ่งอย่างเขาว่าจริงๆ และอีกอย่างที่ชอบคือมันเคลือบผิวของเราดีมากๆ
เคยทาก่อนนอนแล้วตื่นมาไม่อาบน้ำจนถึงเย็นยังรู้สึกว่าเท้าเรายังนุ่มมีอะไรเคลือบผิวอยู่เลย
(แต่ตัวนี่เน่าไปแล้ว ฮ่าๆ) กลิ่นออกแล้ว Fresh สบายๆ สดชื่นๆ กว่าตัวแฮนด์ครีม


คือไม่มีอะไรจะพูดมากแล้วสำหรับ 2 ตัวนี้เป็น Favorite ของนัตตี้เลยจริงๆ ชอบมากๆ คุณภาพกับราคานี่เลอค่ามากๆเลยขอบอกนะจ๊ะ สำหรับราคาคือ 295 บาท เท่ากันทั้ง 2 ตัว นัตตี้ซื้อตอนโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 นะจ๊ะ
หาซื้อได้ที่ร้าน Boots ทุกสาขา ไปลองแล้วกักตุนเหมือนที่นัตตี้ทำกันนะ ฮ่าๆ ไปแระบ๊ายบายยยย